• 2024年05月3日, 週五

    มันเป็นโอกาสในชีวิตหนึ่งที่จะพบอาจารย์ที่รู้แจ้งและพบเต๋าที่แท้จริง

    เรื่องราวเล่าโดยพี่สาวจาง จากประเทศจีน

    บันทึกโดย ทีมข่าวฟอร์โมซา กรุงไทเป (ต้นฉบับภาษาจีน)

    ตั้งแต่วัยเด็ก พี่สาวจางชอบบูชาพระพุทธรูป หลังจากพ่อแม่ของเธอจากไป เธอต้องการเข้าใจความลับของชีวิตและความตายและได้ท่องพระสูตรของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อย่างจริงใจ ซึ่งรวมถึงคำปฏิญาณที่จะช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์จากนรก ผลที่ได้คือเธอมักจะเห็นผีที่ต้องการรับส่วนบุญมากมายในตอนกลางคืน เธอก็ท่องพระสูตรของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อย่างจริงใจต่อไป และได้แบ่งปันผลบุญที่เธอได้รับจากการท่องพระสูตรกับเหล่าผี เธอมักจะเห็นผีมาขอบคุณเธอในความฝันบ่อย ๆ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังหาคำตอบเรื่องชีวิตและความตายและหนทางในการหลุดพ้นไม่ได้

    เพราะเธอรู้สึกว่างเปล่าภายใน เธอจึงรับเลี้ยงสุนัขชิวาว่า 1 ตัว เธอรักสุนัขอย่างมากและให้เขานอนข้างเธอ โชคไม่ดีนัก สุนัขตายใน 3 ปีครึ่งต่อมา สุนัขได้กินอาหารวีแกนกับเธอ เมื่อเธอเผาศพสุนัข มีพระธาตุสีฟ้าอยู่ในขี้เถ้า ซึ่งเธอไม่ได้คาดหวังเลย เหตุการณ์นี้ทำให้เธอมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า การบำเพ็ญทางจิตวิญญาณและการเป็นวีแกนคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์

    เธอรู้สึกเศร้ามากเพราะเธอไม่สามารถพบอาจารย์ที่รู้แจ้งได้ เมื่อเธอไปที่ภูเขาจิ่วหัว ซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธของชาวจีน เพื่อการจาริกแสวงบุญ เธอได้รู้จักพระรูปหนึ่งที่หวังว่าจะรับเธอเป็นศิษย์ แต่หลังจากการพิจารณาและคิดเกี่ยวกับปัญหา เธอจึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อที่จะเลี้ยงแมวจรจัดต่อไป เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะพัฒนาคุณสมบัติความรักของเธอด้วยวิธีนี้

    ขณะที่เธอกำลังทำงานให้อาหารแมวจรจัดอยู่นั้น เธอได้รู้จักพี่สาวที่เต็มไปด้วยความรักมากคนหนึ่งที่บำเพ็ญวิถีกวนอิมและกำลังให้อาหารแมวจรจัดอยู่ด้วย พี่สาวคนนี้มักจะพูดกับเธอเกี่ยวกับคำสอนของ ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่อยู่บ่อย ๆ พี่สาวจางต้องการรู้จักอาจารย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าเธอกำลังตามหาอาจารย์ที่รู้แจ้งอยู่ เธอมีความสุขและตื่นเต้นมากหลังจากเรียนรู้คำสอนของอาจารย์ และได้เริ่มต้นบำเพ็ญสมาธิวิถีสะดวกของธรรมวิถีกวนอิมทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน ระหว่างที่ทำสมาธิ อาจารย์ได้พาเธอไปยังภูมิภพที่สูงมากและเธอรู้สึกขอบคุณและพึงพอใจมาก เธอมั่นใจว่า อาจารย์คืออาจารย์ผู้รู้แจ้งที่มีชีวิต และเชื่อว่าวิถีกวนอิมคือเต๋าที่แท้จริงที่สามารถช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นได้ในชาติเดียว เธอได้ทำสมาธิและเพลิดเพลินกับปิติสุขภายในจากภูมิภพสูงทุกวัน

    เธอได้เสนอแนะสามีของเธอว่า พวกเขาจะซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นที่มีห้องหลายห้องมากขึ้น เพื่อเธอจะได้มีห้องทำสมาธิที่เธอจะมุ่งต่อการบำเพ็ญสมาธิได้ สามีของเธอได้ซื้อบ้านตามที่เธอแนะนำ เธอมีความสุขมาก และพวกเขาได้ย้ายเข้าไปในบ้านหลังใหม่

    เมื่อเธอหลับลึกมากในคืนหนึ่ง เธอได้เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง (สามีดูเป็นสุภาพบุรุษและภรรยาดูสูงส่งมาก) กำลังยิ้มให้เธอและบอกเธอว่า “เราจะขับนำหน้าคุณและคุณจงตามเรามา” แต่หลังจากตามพวกเขาไปสักครู่ รถคันหน้าก็หายไปในทันใด และเธอก็พบว่าเธอได้ตกลงไปในหุบเขาลึก ผู้ประทับจิตบางคนในหุบเขานั้นบอกกับเธอว่า “เราตกลงมาในหุบเขานี้ เพราะเรากลายเป็นคนโลภ” เธอคิดกับตัวเองว่า “ฉันมีความโลภมากเกินไป ฉันรู้สึกพอใจกับแค่การบำเพ็ญวิถีสะดวก แทนที่จะโหยหาการประทับจิต แต่ฉันกลับโหยหาบ้านหลังใหญ่ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันตกลงสู่ภพภูมินี้” ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะรับการประทับจิต

    เพื่อที่จะรับการประทับจิต พี่สาวจางได้พักที่บ้านญาติของเธอตอนเธอเดินทางในต่างประเทศในฤดูใบไม้ผลิปีนั้น ในที่สุดความปรารถนาของพี่สาวจางก็เป็นจริงและเธอก็ได้รับการประทับจิต หลังจากรับการประทับจิตแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของเธอบอกกับเธอว่าวันที่ 3 เมษายนเป็นวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน และเธอต้องการพาเธอไปโบสถ์ ในระหว่างทางไปโบสถ์ พี่สาวจางได้เห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ด้านนอกหน้าต่างรถ เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นจริงหรือไม่ เธอได้ขยี้ตาของเธอและมองผ่านกระจกหน้าต่างรถอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นพระเยซูคริสต์จริง ๆ เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดสิ่งนี้จึงเกิดขึ้นกับเธอ พร้อมกับคิดว่า “ฉันชอบพระพุทธเจ้าและบูชาพระพุทธเจ้าตั้งแต่เด็ก เหตุใดฉันจึงไม่เคยพบเห็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือพระศากยมุนีพุทธเจ้าเลย แต่ฉันกลับเห็นพระเยซูคริสต์แทน?”

    ในความฝันของเธอคืนนั้น เธอเห็นตัวเองบนเรือลำเล็ก ใครบางคนช่วยเธอพายเรือไปยังเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง เธอหันกลับไปมองที่เกาะ รูปร่างของเกาะนั้นชัดเจนมาก และทั้งเกาะเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า เธอคิดว่านี่ต้องเป็นสถานที่ที่พระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้าประทับอยู่ และบอกกับตัวเองว่าเธอควรจำสถานที่แห่งนี้ไว้

    บนเที่ยวบินกลับไปยังประเทศจีน เธอเห็นเกาะหนึ่งในแผนที่ที่จัดไว้โดยสายการบินซึ่งมีรูปร่างเหมือนกับเกาะที่สว่างจ้าในความฝันของเธอเป๊ะ เมื่อเธอมองไปที่เกาะอย่างรอบคอบ มันกลับปรากฏเป็นเอาหลัก (เวียดนาม) เธอรู้สึกประทับใจมากจากภายใน และคิดว่า “เอาหลักคือบ้านเกิดของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ เอาหลักกำลังเปล่งประกายด้วยแสงแห่งกุศลเนื่องจากพระพรของอาจารย์ผู้รู้แจ้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง!” พี่สาวจางรู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์และการนำทางของพระโพธิสัตว์เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้มันเป็นไปได้สำหรับเธอที่ได้พบอาจารย์ที่รู้แจ้งที่มีชีวิตอยู่ และที่จะหลุดพ้นได้ในชาติเดียวตอนนี้